อย่างไรก็ตาม Peral Ginrin ( Nami-gin, Tama-gin, Tsubu-gin) ก็ยังจัดว่าเป็นปลาที่หายากอยู่ดี ดังที่เห็นจากในรูปปลา Peral Ginrin มีจุดสะท้อนแสงเรียงกันเป็นเส้นเหมือนสร้อยไข่มุก ซึ่งลักษณะที่งดงามเช่นนี้ของมัน ก็ควรค่ากับคำกล่าวที่ว่าเป็น “อัญมณีในสายน้ำ” จริงๆ
ภาพจาก www.koi-bito.com
Mr.Kazuo Sekiguchi แห่ง Sekiguchi Koi Farm, Shiozawa, Niigata เป็นหนึ่งในบรีดเดอร์ผู้หลงไหลในปลา Peral Ginrin เขาเล่าว่าเขาเจอปลา Peral Ginrin ตัวหนึ่งในงานประกวดเมื่อ30ปีที่แล้ว ซึ่งตอนนั้นเรียกกันว่า “Dia Ginrin” และเป็นกินรินแบบที่นิยมที่สุดในตอนนั้น สายตาของเขาจับจ้องไปที่ปลาตัวนั้นและเขาก็ตัดสินใจที่จะทำปลา Peral Ginrinของเขาเอง ปลาครอกแรกที่เขาทำได้ปลาที่เป็น Peral Ginrinเพียง30ตัวเท่านั้น และเขาก็เลือกเพียงบางตัวมาทำพ่อแม่พันธุ์ต่อไป และในเวลาไม่กี่ปีเขาก็สามารถทำปลา Peral Ginrin ชั้นยอดออกมาได้สำเร็จ แต่อีก10ปีต่อมาปลา Peral Ginrin ของเขาเริ่มประสบปัญหาในเรื่องรูปร่างเนื่องจากการผสมซ้ำๆกันในสายเลือดที่ใกล้กัน เขาจึงเลิกเพาะปลา Peral Ginrinและหยุดมานานถึง20ปี และหันมาประสบความสำเร็จกับปลาโชว่า “Sekiguchi Showa” แทน
แต่เมื่อ3ปีที่แล้ว Sekiguchi Koi Farm ได้เพาะปลา Peral Ginrin จากแม่พันธุ์อายุ25ปี กับพ่อพันธุ์อายุ27ปีเล่นๆอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งลูกค้าที่ทราบข่าวดังกล่าวต่างพากันมาจับจองเพื่อเป็นเจ้าของปลา Peral Ginrin ซึ่งอาจทำให้เขานึกสนุกหันกลับมาทำปลา Peral Ginrinอีกครั้งก็เป็นได้
ภาพจาก www.koi-bito.com(koinut)
Peral Ginrin จะเริ่มมีเกล็ดเงาๆเมื่อมันโตได้4-5cm และจุดไข่มุกจะมีเพียง2-3แถวในแต่ละซีกของตัวปลาเท่านั้น บางครั้งอาจมีถึง 5แถว และแต่ละแถวจะยาวไปจนสุดข้อหาง จุดไข่มุกบนสีขาวจะดูราวกับไข่มุกจริงๆและดูเป็นสีทองบนเกล็ดสีแดง ในปลา Peral Ginrin รุ่นเก่าๆนั้นจุดไข่มุกจะเริ่มหายไปเมื่อปลาโตขึ้น แต่ปลา Peral Ginrin ในรุ่นต่อมามีการพัฒนาไปมากครับ
No comments:
Post a Comment