Pond Visit 2012 : Lek Variety



1.แนะนำตนเอง
ชื่อ"เล็ก" แล้วกันนะครับ (เพื่อนๆ เรียก เล็ก วาไรตี้)

2.แรงจูงใจที่ทำให้เริ่มเลี้ยงปลา
เริ่มจากทำบ้านใหม่ แล้วพี่ชายเห็นว่าบ้านมีบ่อปลาก็จะดูร่มรื่น ให้พ่อ แม่ได้ให้อาหารปลา เป็นประโยชน์ ต่อผู้สูงอายุเลยเริ่มปรึกษาเพื่อน สนิท เค้าเพิ่งทำบ่อปลา 10 ตัน ก็เลยเริ่มหาข้อมูล ตามเว็บไซท์ ไปดูปลาตามฟาร์มต่างๆ ก็เลยชอบมาทำบ่อแรก ประมาณ 50 ตัน เป็นบ่อเลี้ยง 36 ตัน และบ่อกรอง 14 ตันครับ

3. เกี่ยวกับปลาและบ่อปลาที่บ้าน
จำนวนปลา ที่ตั้งใจทีแรก เริ่มจาก 9 ตัว ขยายเป็น 18 27 36 เรื่อยๆ จนปัจจุบัน ร้อยกว่าตัวแล้วครับ เหตุจากดูปลาหลายฟาร์ม ชอบขึ้นเรื่อยๆ ทั้ง โตไซ นิไซ จำนวนที่เพิ่มเยอะเนื่องจากไป ซื้อปลากลุ่ม วาไรตี้ คือหลากหลายสายพันธุ์มาก เน้นว่าตัวนี้ พันธุ์นี้เรายังไม่มี ลายสวยแปลกตาดี ทำให้นอกจากปลาหลักแล้ว ก็เลยมีจำนวนปลากลุ่มวาไรตี้มากมาย ทำให้จำนวนปลาในบ่อเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
สุดท้ายก็เลยมีโครงการขยายบ่อปลา แต่ระหว่างรอสร้างบ่อ ปลาที่มีเต็มบ่อแล้ว ทำให้มีความจำเป็นต้องอัพเกรดระบบกรองให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ก่อนที่บ่อใหม่จะเสร็จ ส่วนบ่อใหม่ กำหนดขนาดบ่อ ดูพื้นที่ ที่มีก็เลือกไปเลือกมา สุดท้ายมาลงตัวที่ เพิ่มอีก 2 บ่อ กะไว้เลี้ยง ปลาขนาดเล็ก1 บ่อ และปลาขนาดกลาง1บ่อ ส่วนบ่อเก่า เอาไว้เลียงปลาขนาดใหญ่ ตอนนี้บ่อเสร็จทั้งหมดแล้ว แบ่งปลากระจายไป เห็นได้ชัดว่าปลาโตขึ้น ผิวดีขึ้น อย่างเห็นได้ชัด
 บ่อปลาทั้งหมด 3 บ่อ
ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางสระว่ายน้ำที่น่ารักนี้ครับ เหมือนสววรค์คนรักปลาจริงๆ


4.สายพันธุ์ที่ชอบ
ปลาที่ชอบมากที่สุดตอนนี้ เป็น โคฮาคุครับ แต่ก่อน ชอบในความหลากหลาย ว่ายๆ ปนๆ ในบ่อดูคละผสม ดูไม่เบื่อดีแต่ดูไปเรื่อยๆ จะเห็นว่า หากมีโคฮาคุ ที่คุณภาพดีๆ เพลินไม่แพ้กันครับ ด้วย โคฮาคุ หากเป็นซาไกแล้ว ได้รับการพัฒนาสายพันธุ์มาจนดีมีคุณภาพ โครงสร้างใหญ่ เลี้ยงไปเรื่อยก็จะโตดี ไม่หุ่นเสีย ท้องย้วย หรือไม่โต เหมือนปลา ฟาร์มอื่นๆ คือปลาซาไกจะโตและสวยได้ในระยะยาวครับ ทั้งนี้ ก็ขึ้นอยู่กับปลาแต่ละตัวด้วยครับ ซึ่งผมคิดว่ามันก็สนุกตรงนี้หละครับ ลุ้นไปกับปลา เพลินไปกับบ่อที่นั่งแล้วสบายใจ

5. มุมมองในการเลี้ยงปลา
ตอนนี้ คิดว่า การเลี้ยงปลา เป็นกิจกรรมที่สนุก เป็นกิจกรรมที่ให้ครอบครัวมีส่วนร่วมได้ บ่อปลาทำให้บ้านเย็น และได้เพื่อนฝูงมากมาย ฝึกอะไรเราหลายอย่าง ต้องคอยดูแลน้ำ สังเกต ตัวปลา หากเราปรับตัวเอง ให้เข้ากับธรรมชาติของปลาได้ก็จะมีความสุขทีเดียว เช่น น้ำที่ปลาสบายควรเป็นอย่างไร ขนาดบ่อ เท่าไหร่เหมาะกับเรา เลี้ยงปลาจำนวนเท่าไหนไม่เป็นภาระ จัดเวลามานั่งดูปลาให้ได้ ก็จะเพลินๆ จนไม่อยากออกจากบ้านแล้วครับ




 พี่เล็ก และ พี่อาร์ตี้ 2เพื่อนซี้ที่บ้านใกล้กันแค่ 100 เมตร
***********************************************************

Koi360.com : ปลาใหญ่ 9 NIsai Hasegawa Kohaku

งานปลาใหญ่ครั้งนี้จัดที่ Siamkoi รังสิตคลอง6
ต้องขอขอบคุณ พี่อ้วน พี่หนึ่ง และพี่ตาว
ที่จัดงานสนุกๆแบบที่ให้พวกเราชาวปลาคาร์พครับ
แม้ว่าการเดินทางจะไกล แต่ด้วยบรรยากาศและความสนุกที่ได้ ก็นับว่าคุ้มค่าที่มาร่วมงานกันในวันนี้ครับ
วันนี้ผมติดรถพี่อาร์ตี้ไปครับ แล้วไปเจอกับเพื่อนๆในกลุ่มอีก 10ชีวิตได้ครับ
ได้ปลากลับมากันถ้วนหน้า ดังรูปต่อไปนี้ครับ

ป๋านูครับ ผมสงสัยครับว่า ไปภ่ายกันตอนไหนครับ
 

Arty                                          Meepooh 
  Kaewfactory                                   Kaewfactory
 Pop                                               Kaewfactory

*******************************************************************
Auction
ดำเนินรายการโดย พี่หนึ่ง 2p


*******************************************************************************
 สุดท้าย การจับรางวัลผู้โชคดีที่ได้ปลา sansai kohaku 1 รางวัลครับ และผู้โชคดีได้แก่ Dr.jump ครับ
 *******************************************************************************

Dimilin ( Diflubenzuron )

Dimilin ( Diflubenzuron )
Effective against Lernaea (anchor worm)

Dimilin เป็นสารตัวหนึ่งในกลุ่ม "benzoylphenylurea compounds" ซึ่งไม่ใช่สารประเภทยาฆ่าแมลงอย่างแท้จริงแต่จัดอยู่ในประเภทสารยับยั้งการเจริญเติบโต(insect development inhibitors) สารตัวอื่นๆในกลุ่มนี้ได้แก่ "Program" และ "LarvaDex”
Dimilin เป็นสารที่ใช้ในการกำจัดศัตรูพืช(แมลง)ซึ่งไม่อนุญาตให้ใช้ในสัตว์น้ำ เนื่องจากความเป็นห่วงเรื่องของฤทธิ์ที่มีต่อแมลงน้ำแบบไม่เฉพาะเจาะจง การใช้ในแหล่งน้ำสาธารณะจึงต้องมีเหตุผลอันสมควรเพียงพอ แต่สำหรับบ่อน้ำในสวนของที่อยู่อาศัยนั้นความกังวลในเรื่องนี้จะน้อยกว่า
การใช้Dimilin กับ crustacean parasites นั้นให้ผลที่ดี ซึ่ง crustacean parasites ต่างๆนั้นได้แก่ Lernaea (Anchor Worm หรือ หนอนสมอ) และ Ergasilus (gill maggots) และในภาพรวมแล้วสารนี้มีความเป็นพิษต่อปลาน้อยกว่าสารในกลุ่ม organophosphates(เช่น ดีปเทอเร็ก)
จากการค้นข้อมูลที่สามารถหาได้ พบว่ายังมีความเห็นที่หลากหลายกับผลของ dimilin กับbranchiuran parasites เช่น Argulus sp. (fish lice) ซึ่งตามทฤษฎีแล้วสารนี้น่าจะมีผลกับ fish lice ในช่วงที่มันเป็นตัวอ่อนที่จำเป็นต้องผ่านการลอกคราบหลายๆหน

กลไกการออกฤทธิ์ของDimilin - Chitin Synthesis Inhibitor
กล่าวคือ แมลงนั้นจะมีเปลือกแข็งอยู่ภายนอกของร่างกาย การที่มันจะเติบโตขึ้นนั้น มันจำเป็นต้องขยายเปลือกแข็งที่อยู่ด้านนอกให้ใหญ่ขึ้น โดยการที่มันสร้าง cuticle ที่มีลักษณะยืดหยุ่นเพื่อทำให้ร่างกายของมันยืดขยายขึ้นได้ หลังจากนั้นเจ้า cuticle จะเริ่มกลายสภาพเป็นเปลือกชั้นนอกที่แข็งเหมือนส่วนอื่นๆต่อไป ส่วนประกอบหลักของเปลือกชั้นนอกของแมลงนั้นเป็นสารที่เรียกว่า chitin ซึ่งการทำงานของDiflubenzuron (dimilin) จะไปรบกวนการสร้าง chitin ใหม่ๆที่เกิดขึ้น ตัวอ่อนของแมลงจะเจริญเติบโตและพัฒนาไปตามปกติ จนกระทั่งมันผลัดเปลือกนอกเก่าออก พวกมันจะตายเนื่องจากเปลือกใหม่ของมันพัฒนาขึ้นมาไม่สมบูรณ์

ขนาดยาที่แนะนำ : 1 g ต่อน้ำ 4 ตัน (แต่ส่วนตัวผมใช้ยาตัวนี้ที่ขนาด 1 กรัม ต่อน้ำ 1 ตัน)
ความถี่ของการบริหารยา : ในการรักษาการใช้ยาเพียง 2 ครั้ง โดยให้ยาห่างกัน 14 วัน หลังจากใส่ยาครั้งที่2แล้ว ให้รออีก 14 วันจึงจะสามารถกำจัดปรสิตได้หมด
ข้อควรระวัง : ไม่ควรเปลี่ยนถ่ายน้ำระหว่างการใช้ยา
ข้อดีของยาดีมีลีน : ไม่เป็นพิษต่อปลา ไม่ทำลายแบคทีเรียในระบบกรอง ไม่ต้องเปลี่ยนน้ำ

Enrofloxacin Injection

Enrofloxacin

ขนาดยาที่ใช้ :  14 mg./ kg. ( ขนาดยาผมได้รับคำแนะนำจากพี่หมอสุขสันต์ครับ)
การคำนวณปริมาณยาที่ใช้ :

การเทียบปริมาณยา / ปริมาตรยา 1 cc : ตามฉลากระบุไว้ว่า 100 mg / 1 cc (ดังรูป)
ระยะเวลาที่ใช้ยา : ฉีดยาวันละ 1 ครั้งติดต่อกันเป็นเวลา 3 วัน หลังจากนั้นให้ฉีดยาวันเว้นวันอีก 2 ครั้ง รวมทั้งหมด 5 เข็ม (Day1 - Day2 - Day3 - Day5 - Day7)
ตำแหน่งที่ฉีดยา : ให้ฉีดเข้าที่โคนครีบว่ายของปลา (ฉีดเข้ากล้ามเนื้อ)

ตัวอย่างการคำนวณ
ปลาขนาด 50 cm (ดูตามตารางได้น้ำหนัก 2.199kg) และผมเลือกขนาดยาที่ใช้ 14 mg / kg
ปริมาณยาที่ใช้เท่ากับ 2.199 * 14 = 30.78 mg
ปริมาตรยาที่ใช้เท่ากับ 30.78 / 100(ปริมาณยาใน 1 ซีซ๊)  = 0.3 cc

Ceftriaxone Injection

Ceftriaxone (Cef-3)
ขนาดยาที่ใช้ : ตามปกติผมใช้ยาขนาด 12 - 25 mg/kg
การคำนวณปริมาณยาที่ใช้ :
การเทียบปริมาณยาต่อ 1 cc : Ceftriaxone 250mg ผสมกับตัวทำละลายที่ให้มา 2 cc จะได้ปริมาณยา 125 mg / 1 cc
ตำแหน่งที่ฉีดยา : ให้ฉีดเข้าที่โคนครีบว่ายของปลา (ฉีดเข้ากล้ามเนื้อ)
ระยะเวลาที่ใช้บริหารยา : ฉีดวันเว้นวัน เป็นจำนวน 3-4 เข็ม
การเก็บรักษายาที่ผสมแล้ว : หลังจากผสมยาแล้วจะสามารถเก็บไว้ใช้ได้ประมาณ 10 วัน(ถ้าเก็บในตู้เย็น)

ตัวอย่างการคำนวณ
ปลาขนาด 50 cm (ดูตามตารางได้น้ำหนัก 2.199kg) และผมเลือกขนาดยาที่ใช้ 25 mg / kg
ปริมาณยาที่ใช้เท่ากับ 2.199 * 25 = 54.9 mg
ปริมาตรยาที่ใช้เท่ากับ 54.9 / 125(ปริมาณยาใน 1 ซีซี)  = 0.43 cc

ปล. ผมเข้าใจว่าขนาดยาที่แต่ละท่านใช้กันมีความหลากหลายมากครับสำหรับยาตัวนี้ ซึ่งจากที่ผมลองค้นข้อมูลมามีการทดลองของฝรั่งบางคนใช้ขนาดยาที่สูงกว่าขนาดยาที่ใช้ในคนถึง 10 เท่าก็ยังไม่เป็นอันตรายกับปลา (ขนาดยาในคน 5 mg/ kg) อย่างไรก็ตามขนาดยาที่ผมใช้นั้นผมก็ไม่เคยผมปัญหาใดๆเกิดขึ้นกับปลาที่ผมรักษาครับ ลองพิจารณาเลือกใช้ดูนะครับ

Koi Weights-Lengths Table

Weights-Lengths Table
ผมเปิดดูมาหลายเวป หลายแหล่ง ผมว่าอันนี้น่าจะเหมาะสมและดูง่ายแล้วครับ
Fish Length
Weight in Ounces
Weight in Grams
1"
.01
.28
2"
.08
2.27
3"
.26
7.37
4"
.62
17.58
5"
1.21
34.30
6"
2.09
59.25
7"
3.33
94.40
8"
4.96
140.61
9"
7.07
200.43
10"
9.70
274.99
12"
16.76
475.14
14"
26.61
754.38
16"
39.72
1,126.04
18"
56.55
1,603.17
20"
77.58
2,199.36
22"
103.25
2,927.10
24"
134.05
3,800.25
26"
170.43
4,831.61
28"
212.87
6,034.76
30"
261.82
7,422.47
31
288.88
8,209.09
32
317.75
9,027.27
33
348.48
9,900.00
34
381.13
10,827.27
35
415.76
11,809.09
36
452.42
12,854.54
37
491.18
13,954.54
38
532.09
15,118.18
39
575.21
16,340.90
40
620.61
17,631.81

Basic knowledge of antibiotic


พวกเราเลี้ยงปลากันด้วยความรักและการเอาใจใส่ ต่างคนต่างก็หวังให้ปลาเรามีสุขภาพแข็งแรงเจริญเติบโตเท่าทีจะเป็นไปได้กันทุกคน แต่ปลาก็เป็นสิ่งมีชีวิตเหมือนคนเราก็ต้องมีเจ็บป่วยกันบ้างตามธรรมชาติ หรือบางทีเราส่งปลาไปทักทายเพื่อนๆตามงานประกวด หรือเราหาเพื่อนใหม่มาแนะนำให้ปลาที่บ้านรู้จักกัน ทั้งหมดก็เป็นสาเหตุของการติดเชื้อทั้งสิ้น ดังนั้นก่อนที่เราจะใช้ยารักษาปลา เรามารู้จักว่ายาเป็นยังไง ทำงานอย่างไร เพื่อที่เราจะได้ใช้ยาได้อย่างเหมาะสมและลดความสูญเสียที่อาจจะเกิดขึ้นได้ครับ เนื่องจากยาปฎิชีวนะมีมากมายเหลือเกินผมขอกล่าวถึงความสัมพันธ์ของยาแค่ไม่กี่ตัวที่เราได้ยินและใช้กันอยู่บ่อยๆนะครับ คือ ceftriaxone (Cef-3) , norfloxacin, enrofloaxin (ฉีด) , chlortetracycline เพื่อนๆเคยมีคำถามกันในใจไหมว่า ทำไมเราแช่ยาตั้งนานแล้วปลาไม่เห็นดีขึ้นเลย ? ทำไมเราไม่แช่ยาตัวนั้นแล้วก็ฉีดยาตัวนี้ไปด้วยเลยจะดีกว่าไหม? และอีกสารพัดคำถามว่าทำไมๆ มาหาคำตอบกันครับ

ในเรื่องของเภสัชจลนศาสตร์เราแบ่งยาปฎิชีวนะ ออกเป็น 2 กลุ่มด้วยกัน
1) Bactericidal ยาปฎิชีวนะที่จัดอยู่ในกลุ่มนี้จะมีกลไกการออกฤทธิ์ที่ฆ่าเชื้อแบคทีเรียโดยตรง ความสามารถในการฆ่าเชื้อของยาในกลุ่ม bactericidal จะมีความสัมพันธ์กับภาวะการเจริญเติบโตของเชื้อนั้น กล่าวคือ ยาส่วนใหญ่(แต่ไม่ทั้งหมด)จะออกฤทธิ์กับเชื้อที่ยังมีการเจริญเติบโตและมีการแบ่งตัวอยู่เท่านั้น
2) Bacteriostatic ยาปฎิชีวนะที่จัดอยู่ในกลุ่มนี้จะมีกลไกการออกฤทธิ์ที่ป้องกันการแบ่งตัวของเชื้อแบคทีเรียทำให้ไม่สามารถเพิ่มจำนวนและรอให้ส่วนที่เหลือแก่ตายไปเอง

ข้อควรระวัง ไม่ควรใช้ยาปฎิชีวนะกลุ่ม bacteriostatic ร่วมกับยากลุ่ม bactericidal เพราะยาจะต้านฤทธิ์กันเองเนื่องจากยากลุ่ม bacteriostatic จะไปยับยั้งไม่ให้มีการแบ่งตัวของเซลซึ่งกิจกรรมนี้เป็นเป้าหมายหลักในการโจมตีของยากลุ่ม bactericidal ครับ

หมายเหตุ การแบ่งกลุ่มประเภทนี้แบ่งตามพฤติกรรมที่เกิดขึ้นในการทดลองครับ (สิ่งที่เกิดขึ้นในสิ่งมีชีวิตอาจแตกต่างไปได้ครับ)

กลุ่มยาปฏิชีวนะแบ่งตาม target sites
1) ยาปฏิชีวนะที่มีเป้าหมายโจมตีที่ cell wall (เป็น bactericidal)ได้แก่ penicillins, cephalosporins
2) ยาปฏิชีวนะที่มีเป้าหมายโจมตีที่ cell membrane (เป็น bactericidal)ได้แก่ polymixins
3) ยาปฏิชีวนะที่มีเป้าหมายโจมตีโดยไปรบกวนเอนไซม์ที่สำคัญของแบคทีเรีย (เป็น bactericidal)ได้แก่ quinnolones, sulfonamides
4) ยาปฏิชีวนะที่มีเป้าหมายโจมตีโดยมุ่งไปที่การสังเคราะห์โปรตีน (เป็น bacteriostatic)ได้แก่ aminoglycosides, macrolides, tetracyclines

เมื่อเรารู้แล้วว่ายาแบ่งกลุ่มและแบ่งประเภทอย่างไรต่อมาเราก็ต้องรู้อีกว่าจะใช้อย่างไรดี ถ้าว่ากันตามหลักการแล้ว ยาจะสามารถออกฤทธิ์ได้ก็ต่อเมื่อระดับยาในเลือดสูงถึงระดับหนึ่ง ทำให้เกิดคำ 2 คำดังนี้
1) Minimum inhibitory concentration (MIC) คือ ระดับความเข้มข้นของยาในเลือดที่น้อยที่สุดที่สามารถยับยั้งเชื้อโรคได้
2) Minimum bactericidal concentration คือ ระดับความเข้มข้นของยาในเลือดที่น้อยที่สุดที่สามารถฆ่าเชื้อโรคได้

และสิ่งที่สำคัญถัดมาก็ คือ ระยะเวลาต่อเนื่องของระดับยาในกระแสเลือดที่สูงพอในการยับยั้งหรือฆ่าเชื้อโรคแล้วแต่กรณีไป ทำให้เกิดคำอีก 2 คำ ดังนี้
1) Concentration-dependent antibiotics คือ ยาปฎิชีวนะที่ฤทธิ์ในการทำลายแบคทีเรียขึ้นกับความเข้มข้นของระดับยาในเลือด ( แน่นอนว่าต้องให้ระดับยาสูงกว่าค่า MIC อยู่แล้ว แต่ความสำคัญอยู่ที่ยาประเภทนี้ยิ่งความเข้มข้นสูงกว่ามากเท่าไหร่ยิ่งดียิ่งสูงยิ่งมีฤทธิ์เพิ่มขึ้นมาก)
2) Time-dependent antibiotics คือ ยาปฎิชีวนะที่ฤทธิ์ในการทำลายแบคทีเรียขึ้นกับระยะเวลาที่ระดับยาในเลือดสูงกว่า MIC มีระยะเวลายาวนานเพียงพอ ( โดยที่ไม่ว่าระดับยาจะสูงกว่า MIC กี่เท่าก็ตามก็มีฤทธิ์ในการทำลายเชื้อเท่าเดิม )

ตัวอย่างยาที่ใช้ในปลา
1) ยาปฏิชีวนะที่มีเป้าหมายโจมตีที่ cell wall (เป็น bactericidal) เช่น ceftriaxone (Cef-3)( ฉีด ) 
2) ยาปฏิชีวนะที่มีเป้าหมายโจมตีที่ cell membrane (เป็น bactericidal) เช่น colistin, vacomycin
3) ยาปฏิชีวนะที่มีเป้าหมายโจมตีโดยไปรบกวนเอนไซม์ที่สำคัญของแบคทีเรีย (เป็น bactericidal) เช่น norfloxacin ( แช่ ), enrofloxacin ( ฉีด )
4) ยาปฏิชีวนะที่มีเป้าหมายโจมตีโดยมุ่งไปที่การสังเคราะห์โปรตีน (เป็น bacteriostatic) เช่น Chlortetracycline ( แช่ )

หลังจากเรียนรู้พื้นฐานการแบ่งกลุ่มแบ่งประเภทและเงื่อนไขในการออกฤทธิ์ของยาแล้ว เรามาดูความสัมพันธ์ของยา ceftriaxone (Cef-3) , norfloxacin, enrofloaxin (ฉีด) , chlortetracycline ทั้ง 4 อย่างนี้กัน

Bactericidal และ concentration-dependent antibiotics
Bactericidal  และ
time-dependent antibiotics
Bacteriostatic และ
time-dependent antibiotics
Norfloxacin (แช่), enrofloaxin (ฉีด
ceftriaxone (Cef-3)
chlortetracycline


จากข้อมูลด้านบนเราอาจเขียนความสัมพันธ์ได้ดังนี้ครับ
1) เราไม่ควรใช้ยา chlortetracycline (แช่) รวมกับยา Norfloxacin (แช่), enrofloaxin (ฉีด) และ ceftriaxone (Cef-3) เนื่องจากยาจะต้านฤทธิ์กันเอง เพราะยา chlortetracycline จะทำให้เชื้อโรคหยุดการแบ่งตัวซึ่งทำให้ยา Norfloxacin (แช่), enrofloaxin (ฉีด) และ ceftriaxone (Cef-3) ไม่สามารถออกฤทธิ์ได้ดีอย่างที่ควรจะเป็น
2) ถ้าแช่ยา Norfloxacin แล้วจะฉีดยาเพิ่ม ผมแนะนำให้ฉีดยา ceftriaxone (Cef-3) ที่มีกลไกการออกฤทธิ์ที่แตกต่างจากยา Norfloxacin เพื่อผลในการเสริมฤทธิ์กันเปรียบเหมือนการบุกตีเมืองจากทั้ง 2 ด้านทำให้เชื้อโรครับมือไม่ไหว ส่วนยา enrofloaxin (ฉีด)เป็นยากลุ่มเดียวกันกับยา Norfloxacin ซึ่งพึ่งพากลไกการออกฤทธิ์ที่คล้ายกัน
3) ceftriaxone (Cef-3) เป็น time-dependent antibiotics ดังนั้นเวลาใช้ยาควรให้เวลาปลาได้รับยาเป็นระยะเวลาที่เหมาะสม การรักษาที่สั้นเกินไปอาจจะล้มเหลวได้ครับ การใช้ยาตัวนี้เรื่องช่วงระยะเวลาที่ฉีด ระยะห่างการฉีดและความถี่ของการให้ยาเป็นเรื่องสำคัญครับ
4) Norfloxacin (แช่), enrofloaxin (ฉีด) เป็น concentration-dependent antibiotics ดังนั้นยิ่งฉีดปริมาณสูงเท่าไหร่ยิ่งดี แต่ต้องไม่เกินปริมาณที่ร่างกายปลารับได้นะครับ
5) Chlortetracycline เป็น bacteriostatic(เหมือนการขังให้เชื้อตายไปเอง) การรักษาต้องใช้เวลา ผลการรักษาจะเห็นช้ากว่ายาในกลุ่ม bactericidal(เหมือนการเอามีดเสียบให้ตาย) อย่างยา Norfloxacin

เพื่อนๆท่านใดเห็นว่าผมเขียนผิดพลาดตรงไหน แย้งได้เลยนะครับ ผมเขียนตามทีคิดครับอาจไม่ถูกต้อง 100% ครับ

TKKG We Care Project 6

ZNA Local Certified Judge

Search This Blog

บทความที่ได้รับความนิยม

Followers

How to follow my blog

My Facebook